ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

มรดกกรรม

๒๖ เม.ย. ๒๕๕๘

มรดกกรรม

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) .หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ถาม : เรื่องมีปัญหาในการศึกษาธรรมเป็นอย่างมากครับ

ตลอดช่วงครึ่งปีมานี้มีปัญหาอย่างมากในการศึกษาธรรมครับ และกลัวบาปมากๆ ครับ คือเวลาอ่านหนังสือนึกถึงพระรัตนตรัย แล้วจะมีคำหยาบขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจต่อท้าย ไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร เช่น อ่านไปเจอตัวหนังสือคำว่าพระพุทธเจ้าหลังจากนั้นจิตจะต่อคำหยาบขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ช่วงแรกๆ ก็ตกใจว่าทำไมเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าต้องแก้อย่างไร ทรมานมาก ทุกวันนี้เวลาจะมีอาการแบบนี้เกิดขึ้น ผมก็รีบกำหนดที่ลมขึ้นมา หรือบางครั้งก็รีบคิดคำต่อท้ายขึ้นมากลบ เช่น คำว่า (พระพุทธเจ้า) ทรงพระคุณที่สุดที่จะประมาณ ตัดคำหยาบที่จะออกมาต่อท้ายเอง แต่บางครั้งมันก็ไม่ทัน พอไม่ทันทีไรก็รีบมาขอขมาตามหลังตลอดทุกครั้ง เศร้าใจและทุกข์มากๆ ครับ

ปล. ทุกวันนี้ยังยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และตั้งใจถือศีล มาได้ ปีแล้วครับ แต่ศีลก็คงจะไม่บริบูรณ์ครับ ขอเมตตาท่านอาจารย์ด้วยครับผม

ตอบ : นี่คำถามเนาะ คำถามแบบนี้มันเกิดขึ้น เวลาเกิดขึ้น เวลาโยมที่เป็นแล้ว เวลาเราหาที่พึ่ง มันเหมือนกับพระ พระเราเวลาเป็นอาบัติใช่ไหม เวลาจะอุโบสถ เราจะปลงอาบัติกันก่อน ไปประจานตนเองไง สาธุ สุฏฺฐุ คือข้าพเจ้าจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ข้าพเจ้าผิดพลาดไปเพราะข้าพเจ้าเป็นคนประมาท ข้าพเจ้าผิดพลาดไปเพราะข้าพเจ้าขาดสติ ข้าพเจ้าผิดพลาดไปแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่ทำอีก นี่เวลาพระเขาปลงอาบัติ เขาปลงอาบัติอย่างนี้

ทีนี้มาที่โยม โยมเวลามันเกิดอย่างนี้มันเกิดจากจิตใต้สำนึก มันควบคุมยาก พอมันควบคุมยาก สิ่งที่มันเกิดขึ้นมาแล้วทุกคนก็เสียใจ ทุกคนก็เศร้าเป็นธรรมดา

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไง สิ่งใดก็แล้วแต่ที่เราทำแล้วสิ่งนั้นไม่ดี เราระลึกได้ทีหลัง เราเสียใจทุกทีแหละ ทำสิ่งใดไปแล้วน้ำตาร่วงน้ำตาไหล มันไม่ดีเลย แต่ทำไมเวลาจะทำมันทนไม่ได้ล่ะ เวลาทำ นี่พูดถึงเรื่องกิเลสไง เวลาทำเราขาดสติ เราทำไป สุดท้ายเราก็มาคิดได้ว่าไม่ควรทำๆ เลย แต่ก็ทำไปแล้ว เพราะอะไร เพราะขาดการฝึกฝน ขาดการประพฤติปฏิบัติ ขาดการควบคุมดูแลจิตใจของเรา

เวลาจิตใจเรามีศรัทธาความเชื่อมันก็มั่นคงดีแหละ แต่เวลาจิตใจของเราพอกิเลสมันครอบงำมันก็เป็นไป นี่พูดถึงปัจจุบันนะ

แต่เวลาของโยม กรณีอย่างนี้มันเกิด มันมี เราพูดบ่อยครั้งมาก ปัญหานี้ตอบมาเยอะมาก ตอบมาเยอะมากเพราะอะไร ผลของเวียนว่ายตายเกิด พันธุกรรมของจิตๆ เวลาคนที่เป็นพระมาถามก็เยอะ คนที่เป็นพระ เวลาเป็นพระเขามาถาม แล้วเขาแปลกใจด้วย พระเขาแปลกใจนะ เพราะเขาบวชเป็นพระนี่เขาศรัทธามาก เขาตั้งใจบวชมาก แล้วอยากจะพ้นทุกข์ด้วย ใหม่ๆ มันก็ยังไม่มีอะไรไง พอภาวนาไปๆ เรื่องนี้มันจะปะทุขึ้นมา บอกว่ามันเป็นความทุกข์มาก ทีแรกขึ้นมามันก็ตกใจนะ ตะลึงเลย มันเกิดมาได้อย่างไร พอระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระลึกถึงอะไรปั๊บ มันจะมีคำหยาบคายออกมาตลอดเลย แล้วเขาก็มาหาเรา

เวลาเขาพูดกับเรา เขาสารภาพนะหลวงพ่อ ผมศรัทธามากนะ ผมบวชเพื่อหวังพ้นทุกข์นะที่เราพูดนี่เป็นวิทยาศาสตร์ไง วิทยาศาสตร์ก็เราคนปกติใช่ไหม แล้วเราก็สะอาดบริสุทธิ์มา เพราะเราเกิดมาจากพ่อจากแม่ เราไม่เคยทำอะไรผิดเลย แล้วเรามีศรัทธามาก เรามีศรัทธามาก เราบวชมาก็อยากจะพ้นทุกข์ เราไม่ได้ทำอะไรมาเลย เราทำแต่ความดีมาตลอด แต่ทำไมบอกว่าเวลามันเกิดขึ้นมาบอกนี่กรรม

มันเป็นวิบากกรรม วิบากกรรมสิ่งใดที่ทำมา เวลามันถึงคราวถึงวาระมันก็ผุดมา เวลาผุดมา มันจะโจมตี มีคำหยาบ มีคำไม่ดี เวลาระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเป็นแบบนี้

ถ้าเป็นแบบนี้ปั๊บ ตอนนี้เราตั้งสติได้ เราก็ขอขมาลาโทษ สิ่งที่แก้ได้ก็ทำถูกแล้วคือขอขมาลาโทษ พอขอขมาลาโทษ มันเป็นประเพณีของพระกรรมฐาน ก่อนเข้าพรรษา เราก็ขอขมากัน ไปขอขมาไปลาโทษกัน เพราะอะไร เพราะในพรรษา เราจะจริงจัง เราจะประพฤติปฏิบัติให้จริงจัง สิ่งใดที่เราไปเคยทำกระทบกระเทือนบอกใครไว้ ขอขมาลาโทษ เหมือนพระจะบวช พระจะบวชเขาก็ไปขอขมาลาโทษ จะบวชแล้วนะ สิ่งใดที่มันบาดหมางมา สิ่งที่ทำมาขอยกเว้น ขอให้อโหสิกรรมต่อกัน

นี่ก็เหมือนกัน เราทำได้สิ่งนั้น แต่ที่เราพูด เราจะพูดให้เห็นว่านี่เวลากรรม สิ่งนี้เป็นการกระทำทั้งนั้นน่ะ เพราะเวลาอะไรเกิดขึ้น เราจะเปรียบเทียบ เราจะค้นคว้าไง เราบอกว่าเราไม่เคยคิดอย่างนี้ โอ๋ย! ถ้าคิดอย่างนี้แล้วทุกข์น่าดูเลย เราไม่เคยมีนะ เวลาระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงครูบาอาจารย์ แล้วไม่ใช่นึกธรรมดานะ ของเรานึกในแง่บวกนะ

เวลาเราภาวนา เราระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงหลวงปู่มั่นประจำ ประจำตรงไหน ประจำที่ว่าท่านทรมานตนมามาก ท่านทุกข์ยากมามาก เวลาเราภาวนาแล้วเราทุกข์เรายากนะ เวลามันจนตรอก เวลามันไปไม่รอด มันท้อแท้ มันเหนื่อยหน่าย มันทุกข์ไปหมด แล้วใจมันก็ฝ่อ พอใจมันฝ่อ เราจะคิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ปลุกใจตัวเองนะ ท่านก็เป็นคน เราก็เป็นคน หลวงปู่มั่นท่านก็เป็นคน เราก็เป็นคน หลวงปู่มั่นท่านทุกข์มามาก เราทุกข์นิดเดียว

นิดเดียวอะไรเกือบตาย มันจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว มันยังนิดเดียวอยู่ เอามาพูดนิดเดียวให้ใจมันลงไง เวลาเราระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงหลวงปู่มั่น ระลึกถึงครูบาอาจารย์ เวลาเราภาวนา เราจะเอาประเด็นนี้มาช่วยให้กำลังใจตัวเองเยอะมาก

เวลาอยู่ในป่าในเขา เราจะเอาเรื่องของครูบาอาจารย์ที่ท่านทุกข์ยาก เวลาเรื่องหลวงปู่ตื้ออย่างนี้ เรื่องหลวงปู่ชอบที่ท่านปฏิบัติ เห็นไหม หลวงปู่ชอบอยู่จังหวัดเลย สมัยนั้นอุณหภูมิมันจะเข้มกว่านี้ เวลาถึงหน้าหนาว น้ำนี่ตกผลึกหมดเลย เวลาท่านภาวนาแล้วมันโต้แย้งกิเลส หนาวนักแล้วไม่ทำงาน อ้างไง อ้างว่านู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ท่านลงไปนั่งแช่เลย นี่ประวัติของท่าน ท่านลงไปนั่งแช่ในน้ำหนาวๆ เลย

ก็เหมือนกับตอนนี้ที่ว่าในทางตะวันตกเวลาหนาวๆ เขาโดดลงน้ำ เขาว่าร่างกายมันแข็งแรง แต่ของเราไม่ใช่ กิเลสมันขี้เกียจ กิเลสมันไม่เอา นี่เวลาระลึกถึง เราระลึกถึงอย่างนี้

เราจะบอกว่า เราจะเปรียบเทียบว่ามันระลึกอย่างไร ที่เวลาคำหยาบมันเกิดขึ้น แล้วก็พยายามทบทวน มันต้องมีที่มาที่ไป ในพระพุทธศาสนาต้องมีเหตุมีผล มีปัจจัย มีเหตุมีปัจจัย ไม่มีสิ่งใดลอยมา ไม่มีสิ่งใดของฟรี ไม่มี มันต้องมีเหตุต้องมีปัจจัย ต้องมีที่มาที่ไป ฉะนั้น เวลามันเกิดอะไรขึ้นมากับเรามันต้องมีที่มา มันต้องมีเหตุ จิตใจเราถึงคิดแบบนี้

ทีนี้เวลามันสาวไปหาเหตุ มันสาวไปหาเหตุ เวลาผลของวัฏฏะ ในสมัยพุทธกาลสิ ไปอ่านในพระไตรปิฎกสิ เวลาพวกเจ้าลัทธิต่างๆ เยอะแยะไปหมด แล้วเราเคยเชื่อใครไป ดูสิ เวลาอาจารย์เราบอก เห็นไหม สิ่งนั้นไม่ดี เวลาเขาปั่นหัว เราก็เชื่ออาจารย์เรานะ เราก็ไปโจมตีคนอื่นโดยที่ไม่รู้เรื่อง อาจารย์เราท่านมีกึ๋นหรือไม่มีกึ๋นไม่รู้ เราโจมตีใคร ถ้าเป็นอาจารย์เรา เราก็เชื่อ พอเชื่อ เวลาตามใครไป มันก็วิบากกรรมมันนั่นแหละ ฉะนั้น อย่างนี้มันเป็นอดีต

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้ไปแก้ที่อดีต ท่านสอนให้แก้ที่ปัจจุบันนี้ แต่มันมีที่มาที่ไป คือว่าอดีตมันมาอย่างนี้มันถึงมีวิบากกรรมมาอย่างนี้ มันถึงมีมรดกกรรมไง มรดกตกทอดมาโดยจิตสร้างเอง จิตที่สร้างมาขณะนี้ แล้วมันเป็นขณะนี้ แต่ในปัจจุบันนี้ถ้าเราคิดของเราได้ เราทำของเราได้

แต่อย่างที่ว่า เวลาเราอ่านแล้วเราเห็นนะ มันทรมานมาก มันทุกข์มาก เพราะอะไร เพราะคนเราหวังดี หวังดี หวังทำความดี แล้วเราก็ทำความดีด้วย แล้วทำไมเวลาระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันเป็นแบบนี้ล่ะ

เวลาคนเป็นอย่างนี้ นี่ไง มันถึงบอกว่ากรรม เวลามันมีผลมันถึงบีบคั้นหัวใจ บีบคั้นหัวใจนะ มีคนที่เป็นน่ะ เราก็ไม่เป็นนะ แปลก ไม่เป็นแล้วคิดไม่ออก

มันมีนะ มีลูกศิษย์มา เขาเป็นอย่างนี้ เขาบอกนะหลวงพ่อ หนูนี่นะ เข้าไปใกล้ๆ พระพุทธรูปไม่ได้เลย พอเข้าไปใกล้ปั๊บนะ มันจะโจมตีทันทีเลยนี่ทั้งๆ ที่เขาก็ศรัทธานะ เขาศรัทธามาก แต่เขาบอกว่าเขาเข้าใกล้พระพุทธรูปไม่ได้ ถ้าอยู่ระยะห่าง ไอ้คำหยาบมันก็เบาลง ถ้ายิ่งเข้ามาใกล้ คำหยาบมันก็แรงขึ้น เออ! แปลกนะ แล้วเขาก็ทุกข์อย่างนี้

เราจะบอกว่ากรณีนี้มันมีหลายคน เราไม่ใช่ว่าเห็นใครแล้ว พูดเป็นอย่างนั้นแล้ว เราจะเห็นดีเห็นงาม ไม่ใช่ เพียงแต่ว่า เราจะบอก เรื่องที่เราพูดเราจะบอกว่า ในผลของวัฏฏะ ดูอาจารย์ที่ดังๆ สิ ลูกศิษย์ลูกหาเขาเยอะแยะ พอลูกศิษย์ลูกหา นั่นน่ะสายบุญสายกรรม แล้วมันมีทัศนคติอย่างนั้น มีความเห็นอย่างนั้น แล้วมันไปทำสิ่งใดไว้ ถ้ายิ่งไปดูถูกพระอริยเจ้า ไปดูหมิ่นอะไรใครไว้ เวลาเวียนว่ายตายเกิด ผลมันมามันเป็นอย่างนี้

ฉะนั้น ถ้าเหตุอันนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว เพียงแต่ในปัจจุบันนี้เราสำนึกได้ แล้วเราจะมาประพฤติปฏิบัติ การประพฤติปฏิบัติคือการแก้ไข ที่ว่าแก้กรรมๆ แก้กรรมคือนั่งสมาธิ เพราะแก้กรรม เพราะเวลานั่งสมาธิไปแล้ว ถ้าจิตสงบแล้วมันพ้นจากการครอบงำของกิเลส เวลามันเกิดวิปัสสนาขึ้นมามันจะแก้กรรม แก้กรรมคือแก้การไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย การแก้กรรม แก้จนหมดกรรมเลย แก้จนสิ้นกิเลส มันไม่ไปอีก นี่คือการแก้กรรม

แต่ไอ้ที่การแก้กรรมโดยการอ้อนวอนโดยพิธีกรรมนั้นเราไม่เชื่อ ไม่เชื่อธรรมดา ดูถูกด้วย แต่ถ้าเราจะแก้ไข เราแก้ไข เราแก้ไขตรงการภาวนานี้ ถ้าการมาภาวนา การภาวนาคือการชำระล้างด้วยธรรมโอสถ ด้วยธรรมาวุธ อาวุธฟาดฟันด้วยดาบเพชร ดาบเพชรคือปัญญา ปัญญาเข้าไปฟาดฟันไปแยกแยะขึ้นมา อะไรเป็นเหตุเป็นผล อะไรเป็นทุกข์เป็นยาก อะไรเคยทำมา

ถ้าเป็นสุภาพบุรุษ ถ้าทำสิ่งใดมาแล้วก็ขอ ขอขมาลาโทษ เพราะในปัจจุบันนี้เรารู้ว่าผิดถูก สิ่งใดเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว เราก็ขอขมาลาโทษซะ แล้วเราก็ภาวนาของเราไป หาย ต้องหาย พอหายไปแล้ว เพราะอะไร เพราะคนสำนึกผิดแล้ว คนสำนึกผิดแล้ว แล้วคนทำความดีแล้วมันก็จะหายไปเองไง

นี่เขาบอกว่า ปัญหาในการศึกษาธรรมะมีปัญหามาก

มีปัญหามากก็แก้ไขไปๆ กรณีนี้มันเหมือนกับนั่งหลับ เหมือนกับนั่งหลับ เหมือนกับตกภวังค์ จะแก้ทีเดียวให้หาย มันไม่หายหรอก เพราะอะไร เพราะว่าเราถลำลึกไป

เวลานั่งหลับ นั่งทีไรหลับทุกที ขอให้ได้นั่งเถอะ หลับทันที แล้วจะแก้อย่างไรล่ะ

พุทโธชัดๆ พุทโธชัดๆ ไว้ รั้งไว้ๆ ไม่ให้มันตกภวังค์ไป แล้วก็ค่อยแก้ไป มันก็ค่อยดีขึ้นๆๆ

ทรมานมาก นี่ก็เหมือนกัน เพราะเวลาเราอ่านคำนี้มันแทงใจไงทรมานมาก ทุกข์มากแทงใจทรมานมาก เศร้าใจเขาเขียนมาเองนะมันทรมานมาก มันทุกข์มาก ทั้งๆ ที่อยากจะทำดีคำนี้มันเศร้าใจ แต่เพราะสิ่งที่เราทำมาไง

มันจะได้เห็นว่า ถ้าเรายังไม่แน่ใจสิ่งใด วินิจฉัยสิ่งใดไม่ได้ อย่าเพิ่งไปตัดสิน พอตัดสิน มันจะเป็นอย่างนี้ เวลามันเกิดทุกข์เกิดยากมา นี่พูดถึงว่าวิบากกรรม

แก้อย่างนี้ เพราะกรรมมันเกิดแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสอนให้หลบให้หลีก ไอ้นี่เขียนมา แล้วประสาเรา มีคนมาปรึกษาเรื่องนี้เยอะ เราก็แปลกใจนะ ทำไมมันเยอะขนาดนั้น

อ้าว! แล้วก็ย้อนกลับไปสมัยพุทธกาล สมัยพุทธกาล โอ้โฮ! พระพุทธเจ้านี้เป็นกลุ่มหนึ่ง พวกเดียรถีย์ พวกนิครนถ์ อู้ฮู! เยอะแยะไปหมด เพราะเราดูในพระไตรปิฎกไง แล้วพอมาในปัจจุบันนี้เป็นศาสนาพุทธทั้งนั้นน่ะ แต่มีทิฏฐิมีความเห็นแปลกประหลาดมหัศจรรย์ร้อยแปด แล้วมันพุทธอะไรของมันไม่รู้ ถ้าพุทธอะไรของมันไม่รู้ จะมาข้อนี้แหละ ข้อนี้แหละเป็นพุทธแท้พุทธไม่แท้ดูตรงนี้

ถาม : เรื่องพระเครื่อง

กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ

. คนที่เก็บพระเครื่องไว้ บางองค์เก่ามาก มีราคาแพงมาก จะเอามาใส่ก็กลัว อยากถามว่า ถ้าเกิดนำมาขาย แล้วนำเงินมาทำบุญ ผิดหรือไม่อย่างไร เพราะมีคนเคยพูดว่าการนำพระเครื่องมาให้เช่านั้นผิดต่อศาสนา

. วัดในสมัยนี้เวลาสวดมนต์ก็แปลออกมาว่าสรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะอันสูงสุดของข้าพเจ้าแต่ทำไมสร้างเทพต่างๆ ขึ้นมาบูชาภายในวัด อันนี้ไม่เข้าใจเจ้าค่ะ

. เวลาไหว้เช็งเม้ง คนจีนเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาประตูเปิดให้วิญญาณออกมายังโลกมนุษย์ ประเพณีอื่นก็เป็นช่วงเวลาหนึ่ง อยากถามว่า ประตูเปิดมาแล้ว อย่างนี้วิญญาณไม่หนีไปบ้างหรือเจ้าคะ แล้วถ้าหนีไป ตามกลับมาได้หมดหรือเปล่าเจ้าคะ เพราะปล่อยคนละช่วงเวลา

ตอบ : นี่คำถามนะ เอาข้อที่ . ก่อน เรื่องพระเครื่อง พระเครื่องนะ ถ้าเป็นวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม พระเครื่องเขาจะเอาไว้ที่วัด ส่วนใหญ่แล้วในมหายาน ในเถรวาทเรา ในพม่า ในต่างๆ เขาไม่เก็บไว้ในบ้านหรอก เมื่อก่อนพระนี่เขาไม่เอาเข้าบ้านนะ เขาจะเอาไว้ที่วัดกัน พระจะมีคุณค่าขนาดไหนก็เอาไว้ที่วัดกัน แต่เพราะว่าสังคมไทยไง สังคมไทยตั้งแต่สมัยอยุธยามา ตั้งแต่สมัยออกรบ พระเวลาท่านทำเครื่องรางของขลังเพื่อให้ทหารออกรบ มันเหนียว มันขลัง มันอะไร มันเลยทำให้น่าเก็บไว้เป็นของส่วนตัว

ถ้าเก็บไว้เป็นของส่วนตัวปั๊บ กรณีนี้เวลาพระ เวลาท่านมีคุณวิเศษอย่างใด ท่านก็ทำของท่านเพื่อประโยชน์กับชาติ เพื่อประโยชน์กับศาสนา ตอนนั้นเวลาชาติ เวลาเขามีสงคราม มีข้าศึกเขายึดเมืองกัน อันนี้สมัยนั้นเขามี ดูพระในสมัยอยุธยาก็มี ไปอ่านประวัติศาสตร์สิ ฉะนั้น เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านเป็นพระที่ดี ท่านทำเพื่อประโยชน์สาธารณะไง ท่านทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อกำลังใจ เพื่อกำลังใจนักรบ

แล้วเวลานักรบ เวลาทหารออกไปรบ แล้วพระไปส่งเสริมเขาไปรบได้อย่างไร อย่างนี้ไม่เป็นบาปหรือ พระต้องสะอาดบริสุทธิ์สิ อ้าว! พระส่งให้เขาไปรบราฆ่าฟันกัน

เวลาออกรบราฆ่าฟันมันเป็นการปกป้องศาสนาอย่างหนึ่ง เห็นไหม อาณาจักรมั่นคง ศาสนจักรก็มั่นคง ทีนี้อาณาจักร ศาสนจักรอยู่ด้วยกัน เวลาอาณาจักร ศาสนจักรเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขในอาณาจักรนั้น ในศาสนจักรนั้นทำความร่มเย็น ฉะนั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์ มันเป็นประโยชน์อย่างนั้น

ฉะนั้น เวลาสิ่งที่ว่า ไอ้ที่ว่าพระเครื่องๆ พระเครื่องเบญจภาคีที่ว่ามีมูลค่ามากที่สุด สมัยโบราณเขาทำแจกกันน่ะ เขาทำเป็นของที่ระลึก เวลามางานวัด เขาทำเป็นของที่แจกระลึก แล้วเวลาแจกระลึก ถ้าครูบาอาจารย์ท่านมีคุณสมบัติของท่าน มันก็เป็นเครื่องรางของขลังที่มันมีคุณสมบัติที่ดี แล้วคุณสมบัติที่ดี เขาก็เก็บไว้บูชากัน

ทีนี้บูชากัน เดี๋ยวนี้มันเป็นเรื่องโลกธุรกิจ เขาเรียกพุทธพาณิชย์ เครื่องรางของขลังนั้นมันมีมูลค่าอยู่จริงไหมล่ะ ถ้ามีมูลค่าอยู่จริง เรื่องการประชาสัมพันธ์ เรื่องต่างๆ นี่ทางโลกนะ นี่พูดไปมันจะออกเรื่องทางโลก เรื่องพระเครื่อง

ฉะนั้น เรื่องพระเครื่องมันมีมาอย่างนี้ ถ้ามีมาอย่างนี้แล้ว เวลาคนที่เก็บพระเครื่องไว้ ที่มันเก่าแก่มีราคามาก พอมีราคามาก เห็นไหม มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว คนทุกข์คนยากพอมีเงินมีทอง เดี๋ยวจะเก็บลำบากเลย มีแต่ต้องดูแลรักษา

ทีนี้พอมีพระเครื่องที่มีราคาแพง เดี๋ยวเขาจะมีใบสั่งมาขโมยเลยล่ะ เพราะว่ามันมีจำนวนอยู่เท่าไรในประเทศไทย สมาคมเขารู้ แล้วไปตกอยู่ที่ใครบ้าง เวลาที่ของเก่าเก็บมันไม่ได้อยู่ในบัญชีสมาคมนั้น ไม่มีราคานะ พระเครื่องรุ่นเดียวกัน สมัยเดียวกัน แต่เขาไม่เคยออกมาสังคมเลย เขาได้มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย แล้วเขาเก็บของเขาไว้ ถ้าสัตว์ เขาเรียกว่าตั๋วรูปพรรณ ไอ้นี่มันไม่อยู่ในทะเบียนของเขา เขาบอกเป็นของปลอม ไอ้ที่มีอยู่ในทะเบียนเขาถึงเป็นของจริง นี่ในใบกำกับของเขา

ฉะนั้น สิ่งที่มันเก่า ของมันเก่ามีราคา พอมีราคา เราจะเอามาทำบุญ อันนี้เป็นพระพูดไม่ได้แล้ว เราจะมาขาย มาซื้อมาขาย พระไม่เห็นด้วย

ฉะนั้น เขาบอกว่าของเก่า พระที่เก่ามันมีราคา อยากจะเอามาขายเพื่อเอาเงินไปทำบุญก็ทำไม่ได้ เขาบอกว่าในการเช่าซื้อกันมันผิดต่อศาสนา ถ้าผิดต่อศาสนา ทำไมคนเขาทำกันอยู่ล่ะ

มันไม่ควรทำ ดูสิ ถ้ากรณีนี้เราจะยกขึ้นมา มันมีพวกไอ้โฆษกมันไปถามหลวงตา บอกว่าหลวงตามาโครงการช่วยชาติฯ ทำไมไม่ทำเครื่องรางของขลังเพื่อจะให้ได้เงินมาช่วยชาติ

ท่านบอกว่าท่านไม่ทำ ท่านไม่ทำเลย ท่านไม่เห็นด้วย เพราะอะไร เพราะท่านสะอาดบริสุทธิ์ ท่านเชื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ท่านเอาคุณธรรม เอาสัจธรรมในหัวใจของท่านเพื่อมาช่วยสังคมโลก

เขาบอกทำไมไม่ทำเรื่องของขลัง

ท่านไม่ทำ แต่ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงตาเวลาไปทำโครงการช่วยชาติฯ จะไปพิมพ์เป็นสติกเกอร์แล้วใส่ในพลาสติก แจกๆๆ เขาทำเป็นของที่ระลึก ทำเป็นของที่ระลึกมันไม่มีมูลค่า ไม่มีมูลค่าในทางตัวเงิน แต่มันมีมูลค่าในหัวใจ มีมูลค่าในความเคารพนับถือ นี่พูดถึงหลวงตาท่านทำนะ

ฉะนั้น เวลาเขาบอกว่า ถ้าเอาพระเครื่องนี้ไปขายมันมีความผิดต่อศาสนา

ตัวศาสนา ธรรมะเหนือโลก ศาสนาตั้งแต่สองพันกว่าปีนี้เหนือโลก ไอ้คนที่ซื้อที่ขายกันอันนั้นก็เป็นอาชีพของเขา ฉะนั้น อันนี้เราไม่ไปยุ่งด้วย ไม่ยุ่งด้วย แล้วไม่ทำด้วย แล้วไม่สนใจด้วย ไม่สนใจ เพราะว่ามันเป็นกระแสสังคมไง เอาฝ่ามือปิดฟ้า กระแสสังคมมันรุนแรงไปขนาดนั้นแล้ว แล้วเรา เราจะเอาตัวเราออกจากโลก ออกจากกระแสสังคมนั้น ทีนี้ถ้าเรามีอยู่นี่ เราจะสละอย่างไร เราจะทำอย่างไร นั่นไปอย่างหนึ่ง นี่ข้อที่ .

. วัดในสมัยนี้เวลาสวดมนต์ก็แปลออกมาว่าสรณะอื่นใดของข้าพเจ้าไม่มี มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะอันสูงสุดของข้าพเจ้าแต่ทำไมยังไปสร้างเทพต่างๆ ขึ้นมาบูชาภายในวัด อันนี้ไม่เข้าใจ

เข้าใจง่ายๆ เลย เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเขาพูดแต่ปากไง คำโบราณที่ว่า มือถือสาก ปากถือศีล นี่สำคัญ มือถือสาก ปากถือศีล ถ้ามีศีลธรรม ทำได้อย่างไร ก็ในเมื่อเราเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราจะไปสร้างเทพอะไรมาได้

กรณีอย่างนี้ไปสร้างเทพ เราเห็นตอนนี้ไปสร้างเทพอะไรกัน มันจะเป็นพราหมณ์ไง เป็นพราหมณ์ สร้างเป็นพระเจ้าของพราหมณ์ แล้วกรณีนี้ ดูสิ ในศาสนาพราหมณ์เขาก็บอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นปางหนึ่งของเขา เป็นปางหนึ่งของเขาเหมือนกัน ในอินเดียเขามีพระพุทธเจ้าอยู่เป็นปางของเขา แล้วพวกเราก็เชื่อกันเนาะ

พระพุทธเจ้าไม่เชื่อ ขณะที่พระพุทธเจ้าจะสำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วเผยแผ่ธรรมไป ลบล้างพวกนี้ไปหมด ลบล้างไปเพราะอะไร เพราะว่าเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรม พวกพราหมณ์เขาไหว้ทิศ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเราก็ไหว้เหมือนกัน

เขาบอก อ้าว! แล้วไหว้อย่างไรล่ะ

เวลาไหว้ทิศกันนะ ทิศเบื้องบนนี้เป็นครูบาอาจารย์ ทิศเบื้องหน้าเป็นพ่อแม่ ทิศเบื้องข้างเป็นเพื่อน ทิศเบื้องขวาเป็นหมู่คณะ ท่านก็ไหว้ทิศเหมือนกัน ไหว้ทิศคือท่านบริหารของท่าน พราหมณ์ละความนับถือพราหมณ์มานับถือพระพุทธเจ้าเลย

เวลาเขาไปอาบน้ำกัน เขาไปอาบน้ำชำระล้างบาปไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็บอก นี่อยู่ในพระไตรปิฎกนะ ถ้าเขาชำระล้างบาปได้ ปลาตะเข้มันก็ต้องเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว เพราะมันอยู่ในน้ำนั้น

อย่างนี้จะเป็นปางหนึ่งของเขาได้อย่างไร มันเป็นปางหนึ่งของเขาไม่ได้ เพราะอะไร เพราะทัศนคติมันไม่เหมือนกัน คุณธรรมในใจ ความเชื่อมันคนละอันกัน ถ้าคุณธรรมความเชื่ออันเดียวกัน มันจะเป็นเหมือนกันได้อย่างไร มันเหมือนกันไม่ได้เพราะอะไร เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลบล้างหมด ไม่ให้เชื่อเทวดา อินทร์ พรหม ไม่ให้เชื่อ

ของเขา พระพรหมสูงสุด ของเรา พระพรหมเป็นเด็กถือบาตรพระพุทธเจ้า พระอินทร์เป็นคนล้างบาตร เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบิณฑบาต พระพรหมเป็นคนรับบาตร เวลาจะสวดมนต์ พฺรหฺมา โลกา ให้พรหมมาฟังด้วย ให้พรหมมาฟังด้วย

แล้วเราถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วไปสร้างเทพต่างๆ ได้อย่างไร มันสร้างไม่ได้ มันทำไม่ได้

ถ้ามันทำนะ ถ้าพูดถึงในความเห็นเราเลย ถ้าใครมีรูปเคารพอื่น ขาดจากไตรสรณคมน์ ขาดจากไตรสรณคมน์ เพราะวัดที่ไหนก็สวดมนต์นี่แหละ สวดมนต์แปลนี่แหละ ไม่มีสรณะอื่นเป็นที่พึ่ง สรณะสูงสุดของข้าพเจ้าก็มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นไตรสรณคมน์ ถ้าใครขาดจากไตรสรณคมน์ เขาขาดจากสามเณร เป็นเณรไม่ได้ เป็นเณรต้องถือไตรสรณคมน์ก่อน พอถือไตรสรณคมน์แล้วอุปสมบท แล้วเวลาเขาไปถือรูปเคารพอื่น เขาจะเป็นเณรได้ไหม เขาไม่ได้เป็นพระ เขาเป็นเณรยังเป็นไม่ได้เลย แล้วทำไมวัดอื่นเขาสร้าง

นี่โดยข้อเท็จจริงไง ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้ แล้วทำไมเขาทำอย่างนั้นล่ะ

ทำอย่างนั้นแสดงว่า เวลาสังคมเขาเสียดสี เราก็สะเทือนใจนะ เขาบอกว่าไหว้พระนี่ไหว้แต่ลูกชาวบ้าน ไม่เคยไหว้ถึงพระ ไม่มีพระให้ไหว้เลย

นี่ไง ถ้าเป็นพระ เป็นพระมันต้องเป็นพระมาจากธรรมวินัยไง ที่เวลาเขาถามเมื่อก่อนนะว่า เวลาหลวงตาบอกว่าเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปแล้วแสดงธรรม นี่แหละๆๆ เวลาเขาสงสัยนะ หลวงตาจะพูดบ่อย เหยียบหัวพระพุทธเจ้า คือเหยียบคำสอนไง ธรรมและวินัยนี้เป็นศาสดาของเรา คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา

เวลาพระอานนท์คร่ำครวญเลย พระอานนท์เป็นพระโสดาบันนะ อยากให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่สั่งสอนพระอานนท์ไป

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าอานนท์ เราบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือ ธรรมและวินัยที่เราแสดงไว้ดีแล้วจะเป็นศาสดา เป็นครูบาอาจารย์ของเธอต่อไป จะเป็นศาสดา เป็นครูบาอาจารย์ของเธอต่อไป

แล้วเวลาสวดมนต์จะไม่มีที่พึ่งอื่นเลย มีแต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วดันไปสร้างเทพเจ้าต่างๆ อยู่ในวัด อ้าว! เวลาพูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง ก็เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไง

เวลาที่หลวงตาบอกว่าเหยียบหัวพระพุทธเจ้าแล้วแสดงธรรม กรณีนี้แหละ เหยียบหัวพระพุทธเจ้าคือละเมิดคำสั่งสอน ละเมิดคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด แล้วยังห่มผ้าเหลืองอยู่นะ

อันนี้เราจะบอกว่า เขาบอกว่า ถ้าทำอย่างนั้นทำไมเขายังสร้างเทพอยู่ อันนี้เข้าใจไม่ได้ เข้าใจไม่ได้

ถ้าเราปฏิบัติแล้วจะเข้าใจได้ มองโดยวิทยาศาสตร์มันก็ทะลุปรุโปร่งแล้ว มันทำอย่างนี้น่าเกลียดมาก แล้วทำอย่างนี้ทำไม ทำน่าเกลียดได้อย่างไร แล้วทำน่าเกลียดแล้วตอนนี้มันก็อย่างที่ว่า เวลาเราพูดเรื่องนี้ปั๊บ เราจะพูดถึงว่าสังคมของสงฆ์นี่ไง เวลาวิ่งเต้นเอาตำแหน่งกัน วิ่งเต้นอยากได้ตำแหน่ง

เวลาจะได้ตำแหน่ง เหมือนข้าราชการเลย เวลาจะสอบนี่ โอ้โฮ! ไบรต์มาก มีความสามารถมาก ร่างกายสมบูรณ์มาก พอรับเข้าไปทำราชการปั๊บ ลาป่วยทีหนึ่งทั้งปีเลย ก็มันเพิ่งไปตรวจ แพทย์ขึ้นมาเมื่อกี้เลยบอกว่า โอ้โฮ! สมบูรณ์พูนสุข โอ้โฮ! ปัญญานี่เลอเลิศ เวลาสมัครสอบนี่ อู้ฮู! ใบรับรองแพทย์เป็นตั้งๆ เลย พอไปราชการ ตูม ลาป่วย ป่วยทั้งปี แล้วเข้ามานี่ใบรับรองแพทย์มาตลอด ทีนี้ก็ลาป่วย ลากิจทั้งปีทั้งชาติ นี่ก็เหมือนกัน เวลาบวชมา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แต่เวลาแสดงออก ลาป่วย

ทีนี้เทศน์ต่างๆ เวลาคนเรานี่นะ วุฒิภาวะของสังคมมันอ่อนแอ เวลาทุกข์ยาก ไม่มีที่พึ่ง ก็ไปหาเทพเจ้าให้เป่าหัวให้ที อยากจะมั่งมีศรีสุข แต่ไปหาพระ พระให้เสียสละ ไม่เอา ไปหาพระ พระก็บอกว่า ให้ทำขยันหมั่นเพียร ให้ตั้งสติ อู๋ย! ลำบาก ถ้าไปหาเทพ เทพมาหลอกเอาสตางค์ อะไรก็ได้หมด สตางค์มา เอ็งได้ทั้งนั้นน่ะ

ทีนี้พอมันง่ายไง เอ็งไม่ต้องไปศาลเจ้าหรอก เอ็งไม่ต้องไปที่ทรงเจ้าหรอก เอ็งมาวัดก็ได้ พระก็ทำได้ พระมีศีลมากกว่าด้วย ฉะนั้น เดี๋ยวนี้พระก็เลยมีเทพเจ้าต่างๆ

เทพก็คือผี ผีก็คือเทพ ถ้าเทพคือผี เดี๋ยวจะเข้าข้อที่ . เทพก็คือผีไง ทีนี้พระพุทธเจ้าปฏิเสธหมดแล้ว ถ้าคนภาวนาได้แล้ว อย่างหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เรื่องอย่างนี้เวลาพระนะ แม้แต่พฤติกรรม เวลาทำไม่ดี ท่านยังติเลย แล้วนี่ขึ้นมา ภาษาเราเลยว่ามันประจาน เวลาทำอย่างนี้แล้วมันประจาน แล้วยิ่งตอนนี้ ดูสิ เขาทำเครื่องรางของขลังกัน เพราะอะไร เพราะโลกเขาต้องการ โลกเขาต้องการเพราะโลกมันขาดที่พึ่ง ไม่มีที่พึ่ง โลกเขาร้อนนัก แต่เวลาเราให้เขาพึ่ง ให้ไปพึ่งเครื่องรางของขลังกัน ทุเรศ ทุเรศมาก เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนี้

พระพุทธเจ้าสอนศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามีสติ ไอ้ความทุกข์ความยากนั้นเบาลง ถ้ามีสมาธิ มีความสุขแล้ว ถ้ามีปัญญาขึ้นมาจะพ้นทุกข์เลย พระพุทธศาสนามีคุณสมบัติขนาดนั้นน่ะ พ้นจากทุกข์ได้เลย

แต่มันวางเลย มันทิ้งหมดเลย มันไปเอาเทพต่างๆ ไปเอาบ้าบอคอแตกข้างนอกเลย ไอ้เทพพวกนี้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระอินทร์ เทวดาถวายบาตร ใบ พระพุทธเจ้าระลึกอดีตเลย ย้อนอนาคตังสญาณ พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ต่อๆ มาทำอย่างไร เนรมิตบาตร ใบเหลือใบเดียว ออกบิณฑบาตเป็นครั้งแรก

เวลาเทศน์ พระอินทร์ไปใส่บาตรพระกัสสปะ ไปใส่บาตรพระสารีบุตรเป็นประจำทั้งนั้นน่ะ เทวดา อินทร์ พรหม อยากร่ำอยากรวย อยากจะทำบุญ อยากจะมาใส่บาตร เขาไม่มีโอกาส ครูบาอาจารย์เราประสบเรื่องนี้เยอะแยะเลย

แต่นี่พระมันอ่อนแอ พระมันอ่อนด้อย ไปเอาสิ่งนี้มาเป็นสินค้า แล้วออกไปทางโลก นี่มันจะไป เขาบอกพระเครื่อง พูดไปแล้วมันอย่างว่าแหละ พระด้วยกัน พระเหมือนพระ แต่พระไม่เหมือนกัน

. เวลาไหว้เช็งเม้ง คนจีนเชื่อว่าเป็นเวลาประตูเปิดให้วิญญาณออกมายังโลกมนุษย์ ประเพณีนี้เป็นอีกช่วงหนึ่ง อีกประเพณีอื่นก็เป็นอีกช่วงหนึ่ง อยากถามว่า ถ้าประตูเปิดออกมา อย่างนี้วิญญาณไม่หนีไปหรือเจ้าคะ แล้วถ้าหนีไป จะตามกลับมาอย่างไร

กรณีนี้มันมี มันมี ดูสิ เพราะว่าพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน แล้วมีคุณสมบัติที่เหมือนกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้วเป็นศาสดา เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระธรรม เวลาไปเทศนาว่าการจนพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นสงฆ์องค์แรกของโลก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุทานเลยอัญญาโกณฑัญญะรู้แล้วหนอคือมีพยานไง

เราเป็นอยู่คนเดียว แล้วคนอื่นจะเป็นพยานกับเราได้อย่างไร ฉะนั้น เวลาเทศนาว่าการไป ดูสิ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา คือว่าเป็นผู้ที่ปัญญามาก เป็นผู้ที่มีความสามารถมาก ถึงต้องตั้งสัจจะอธิษฐาน แล้วสร้างบุญกุศลมา ต้องมีปัญญามากกว่าพระอรหันต์โดยปกติ แล้วเวลาพระโมคคัลลานะไปสวรรค์ไปนรก ไปต่างๆ มาบอกกล่าวที่นครราชคฤห์

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าถูกต้องๆๆ

นี่ไง มันมีพยาน มันมีพยานที่ว่า ในวัฏฏะ ในกามภพ รูปภพ อรูปภพ จิตวิญญาณเขาอยู่กันอย่างไร เทวดาเขาอยู่กันอย่างไร พรหมเขาอยู่กันอย่างไร เรื่องนี้มันมีอยู่จริง มันมีอยู่จริงเพราะว่าคนที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน แล้วมีความสามารถเห็นมาเหมือนกัน ถ้าเห็นมาเหมือนกันปั๊บ เรื่องอย่างนี้เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงไว้ในพระไตรปิฎกไง

ฉะนั้น ที่ว่าเวลาตกนรกอเวจี สิ่งที่ว่าตกนรกอเวจี เวลาเขาหมดอายุขัย เวลามันจะขึ้นมาอย่างไร นี่ก็เหมือนกัน เป็นเทวดา อินทร์ พรหม เขาอยู่กันอย่างไร

ฉะนั้นที่บอกว่า คนจีนเขาเชื่อว่าถึงเวลาแล้วเขาจะเปิดประตูวิญญาณออกมาโลกมนุษย์ให้มาเหมือนกัน

อันนี้เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปิดโลกนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีคุณสมบัติเปิดโลกได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเปิดโลก เปิดโลกธาตุ โลกธาตุเห็นกันหมด เห็นกันได้

ฉะนั้น เวลาเช็งเม้ง เพราะเขาเป็นเต๋าใช่ไหม แล้วมาบวกเข้าไปกับพุทธ เขาบอกว่าถึงเวลานี่เปิดได้ มันเป็นความเชื่ออันหนึ่ง

แต่เวลาเป็นข้อเท็จจริง เวลาเป็นข้อเท็จจริง เวลาเขาสื่อสารกัน เขาไปมาหาสู่กัน มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะว่า เวลาในพระไตรปิฎกนะ พวกเทวดา อินทร์ พรหม เขาไม่อยากมาใกล้มนุษย์เลย เขาบอกเหม็นกลิ่นคาวมนุษย์แรงมาก เขาไม่ต้องการมา

เวลานรกอเวจีเขามาไม่ได้ เพราะเขาอยู่ในกฎของกรรม กฎของกรรม เขาต้องตกนรกอเวจีอย่างนั้น มันพ้นขึ้นมาไม่ได้ เขาอยากพ้นจะเป็นจะตาย แต่นี้เวลามันหมดเวรหมดกรรมนี่มันมี มันมีที่ว่า เวลาครูบาอาจารย์ท่านมีของท่าน ท่านบอกว่าเหมือนกับคุก เวลาคนมันจะพ้นจากโทษ เป็นนักโทษชั้นดี เขาปล่อยออกมา เพราะมันชั้นดี เขาจะหมดโทษอยู่แล้ว แต่บางทีมันก็มีการหนีมาเกิด หนีมาเกิดแล้วเขาจะมาตามกลับไปอย่างไรล่ะ

เขามาตามกลับไป เวลาเขามา เขาจะเอากลับ มันปัจจุบันทันด่วน หมดชีวิตไปทันที แล้วต้องกลับไป เวลากลับไป มันเป็นกฎของกรรมไง ถ้ายังไม่สิ้นสุด ยังไม่หมดวาระ มันต้องใช้ตรงนั้นจนจบ ถ้าไม่จบ หนีมา หนีมาก็ต้องไปอีกภพชาติหนึ่ง ไปใช้ตรงนั้นจนจบ

นี่พูดถึงว่า วิญญาณมันไม่หนีมาหมดหรือ

โอ๋ย! เขาอยากหนีจะตาย ใครๆ ก็อยากจะพ้นจากวิบากกรรมทั้งนั้นน่ะ แต่มันพ้นไปได้ไหมล่ะ หนีไปแล้วมันพ้นจากกรรมนั้นไปไม่ได้

ฉะนั้น เวลาเขาเปิดมา คำว่าเปิดมาความจริงมันมีช่องทางของเขากันอยู่แล้ว เพราะในพระไตรปิฎกนะ เวลาอุโบสถศีล ผู้ที่จำศีลในอุโบสถเขาเรียกว่าช้างอุโบสถ เขาจะมาดูว่าใครที่จำศีลอุโบสถ จะได้บุญมากน้อยแค่ไหน ในวันพระปกติ เขาจะมีพวกนี้ เขาจะมาดูว่าพวกที่จำศีลมีศีลมีธรรมมากน้อยแค่ไหน นี่อยู่ในพระไตรปิฎก เปิดพระไตรปิฎกได้เลย

ฉะนั้น ทีนี้บอกว่า ถ้ามันมีอย่างนี้ปั๊บ มันก็เป็นเรื่องปกติของกามภพ รูปภพ อรูปภพไง นี่ไง อาหาร เกิดในภพชาติใด มีชีวิตอย่างใด ใช้อาหารอย่างใด เกิดในความเป็นมนุษย์ เกิดในเทวดา อินทร์ พรหม มีของเขา แล้วหมดอายุขัย ความสัมพันธ์มันมีต่อกัน

ถ้าบอกว่า ถ้ามันเป็นไปไม่ได้เลย พระนาคิตะเดินจงกรมอยู่ เทวดามายับยั้งกลางอากาศ เดินจงกรมอยู่ นาคิตะเป็นผู้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาวิเวก แล้วมาเดินจงกรมอยู่ ชาวบ้านเขาไปเที่ยวมหรสพสมโภช ชาวบ้านเขามีความสุข เรามีแต่ความทุกข์

เวลาคนปฏิบัติ เวลาจิตมันไม่ลงมันจะเป็นอย่างนี้ บ่นทุกข์บ่นยากตลอด แล้วไอ้คนที่เขาไปเที่ยว เขามีความสุขของเขา เพราะความคิดของเราไง

เทวดาที่เป็นญาติมายับยั้งกลางอากาศเลย ไอ้พวกที่เข้าไปเที่ยวมหรสพสมโภชนั้นน่ะ พวกนั้นมันยังอยู่ในวัฏฏะ ยังเวียนว่ายตายเกิด เขายังติดมหรสพสมโภช อบายภูมิ แต่ของท่าน ท่านเดินจงกรม ท่านถือพรหมจรรย์ ท่านต่างหากเป็นผู้ประเสริฐ คนที่ประเสริฐอยู่ในทางจงกรม

แต่จิตใจมันโดนกิเลสครอบงำ มันกลับน้อยเนื้อต่ำใจไปบอกว่าไอ้คนที่มันอยู่ในวัฏฏะเขามีความสุข เขาไปเที่ยวมหรสพสมโภชกัน เรามันทุกข์มันยาก มันทุกข์มันยาก เทวดายับยั้งกลางอากาศเลย นี่อยู่ในพระไตรปิฎก

ช่องทางมันมี ถ้ามันมีสายบุญสายกรรมต่อกัน ช่องทางมันมี เพียงแต่ว่าพวกเรามีคุณสมบัติดีจริงหรือเปล่า แล้วคุณสมบัติของมนุษย์ที่ว่าประเสริฐๆ เพราะมีอย่างนี้ พระนาคิตะเดินจงกรมอยู่ อยู่ในพระไตรปิฎกเหมือนกัน เทวดายับยั้งกลางอากาศเลย ท่านต่างหากๆ ครูบาอาจารย์บอกเทวดากับพระนาคิตะจะต้องเป็นหมู่เป็นสหายกัน

พาหิยะที่เรือแตก พาหิยะที่ดูจิตมันมาอ้างกันทุกวัน พาหิยะ พาหิยะเป็นพ่อค้า แล้วพ่อค้ามาเรือสำเภา พอเรือแตกกลางทะเล พอเรือแตกกลางทะเลก็รอดขึ้นฝั่งมาเป็นชีเปลือยเพราะมันมาแต่ตัว ก็เลยไปเอาใบไม้มาพันตัวไว้

ไอ้พวกชาวชายฝั่งเห็นก็ อู้ฮู! พระอรหันต์ขึ้นมาจากทะเล เขาเชื่อถือศรัทธา พาหิยะก็เลยแกล้งเป็นพระอรหันต์ไปเลย เห็นเขานับถือ เออ! ก็ยอมรับเขาไปอย่างนั้นน่ะ

อยู่ในธรรมบทเหมือนกัน ในพระไตรปิฎกนั่นแหละ ธรรมบทเขาแปลมาจากพระไตรปิฎก แต่พระไตรปิฎกมันจะเป็นหัวข้อ แล้วธรรมบทคือการเรียนวิชาการ เขาจะขยายความ บอกว่า พาหิยะ พออย่างนั้นปั๊บ เทวดาก็มากลางอากาศเหมือนกัน เทวดามายับยั้งกลางอากาศเลย ท่านไม่ใช่พระอรหันต์ ญาติโยมเขาสรรเสริญท่าน แล้วท่านก็เชื่อเขาไป ตอนนี้พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ให้ไปฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ให้ไปฟังเทศน์พระพุทธเจ้า

เพราะเทวดามาเตือนจนคอตก เพราะมันเป็นความจริง พอเป็นความจริงแล้วเขาก็ละความเชื่ออันนั้นไปหาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบิณฑบาตอยู่ไง ก็ไปขอฟังเทศน์พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็พูดถึงเรื่องสักแต่ว่ารู้เธอจงมองโลกนี้เป็นสักแต่ว่า อย่าไปยึดมั่นถือมั่นปิ๊ง! เป็นพระอรหันต์เลย แล้วขอบวชไง

พอขอบวช พระพุทธเจ้าบอกว่าเธอไม่มีบริขาร จะบวชอย่างไรล่ะ

ก็ไปหาบริขาร แล้วโดนแม่โค โดนควายขวิดตายไง พระอรหันต์ ฟังเทศน์พระพุทธเจ้าหนเดียว

แล้วทีนี้พอเรื่องนี้มันเกิดปั๊บ พระก็แปลกใจไง เพราะว่าพอโดนโคขวิดตาย พระพุทธเจ้าเป็นคนไปฌาปนกิจเอง ไปเก็บศพเอง แล้วเผาเองไง พระก็งงว่าพระพุทธเจ้าไปเก็บศพเขาได้อย่างไร

พระพุทธเจ้าบอกว่าภิกษุทั้งหลาย นี้คือพระอรหันต์

พอพระอรหันต์ปั๊บ พระก็ถามอีกแล้วเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร

พระพุทธเจ้าบอกว่า ในอดีตชาติแต่กาลไกลนู้น เขากับเพื่อนเขา หรือ คนเป็นนักปฏิบัติ แล้วก็ขึ้นไปบนภูเขาตัด นัดกันขึ้นไปว่าไปอดอาหาร ไปภาวนา ทำพะองขึ้นไปแล้วถีบทิ้งเลย แล้วถ้าใครภาวนาเป็นพระอรหันต์ให้เหาะลงมา ถ้าใครไม่เป็นพระอรหันต์ให้ตายบนนั้น

พาหิยะเป็นคนคนหนึ่งอยู่บนนั้น แล้วที่ไปภาวนามีเป็นพระอรหันต์ก็มี แล้วที่ตายไปบนนั้นพร้อมพาหิยะก็มี แล้วที่เป็นพระอรหันต์หรือเป็นพระอนาคามีอยู่บนพรหม เป็นเพื่อนกันก็ไปด้วยกันไง

ทีนี้พาหิยะก็เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วมาเกิดเป็นพาหิยะที่เรือแตก พอเรือแตกขึ้นมา เทวดานั้นก็เป็นเพื่อนเก่า เป็นนักปฏิบัติมาด้วยกันก็มาเตือน นี่พูดถึงว่าช่องทางที่สายบุญสายกรรมมันมี

ฉะนั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ปั๊บ ทีนี้เราจะเอาประเพณีที่เราทำ ประเพณีมันเปลี่ยนไปทุกวัน คนความเชื่อมันแตกต่างกัน ฉะนั้น คำถามที่ . “เวลาเขาไหว้เช็งเม้ง คนจีนเขาเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาประตูเปิดให้วิญญาณออกมายังโลกมนุษย์ ประเพณีอื่นก็เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่ง อยากถามว่า ประตูเปิดมาแล้ววิญญาณไม่หนีไปบ้างหรือเจ้าคะ แล้วถ้าหนีไปแล้วจะเอากลับมาได้อย่างไรเจ้าคะ

ถ้าปฏิบัติไปจนสิ้นสุดก็รู้หมด ถ้ารู้แล้วเข้าใจแบบนี้ ถ้ารู้แล้วเข้าใจนะ ความจริงมันมีอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ความเชื่อเยอะมาก

ความจริง ข้อเท็จจริงมี แล้วคนที่รู้จริงมีอยู่ส่วนหนึ่ง ความจริงไม่ใช่ส่วนหนึ่ง ความจริงเป็นความจริงแท้ๆ เลย แต่คนที่ไปรู้จริงเห็นจริงมีอยู่ส่วนหนึ่งเพราะเวลาปฏิบัติไป

แต่ไอ้พวกเชื่อตามๆ กันมานี่มหาศาลเลย ไอ้เชื่อตามๆ กันมา ๙๙ เปอร์เซ็นต์ แล้วพอความเชื่อตามๆ กันมาก็เลยกลายเป็นประเพณีวัฒนธรรม ก็เลยเป็นยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นความจริงอย่างนั้น

ฉะนั้น ความจริงมันมี ที่ว่าวิญญาณจะหนีไปอะไร หนีกรรมไม่พ้น หนีไปเดี๋ยวก็ต้องกลับมาใช้จนจบ ถ้าหนีไปมันไม่จบไง มันต้องจบ ฉะนั้น ถ้าจบแล้วก็คือจบ นี่พูดถึงว่าเรื่องความเชื่อ เรื่องความเชื่อ ถ้าความเชื่ออย่างนั้นปั๊บ เราเอาความจริง

ถ้าโยมอยากรู้นะ โยมปฏิบัติแล้วจะรู้หมดเลย แล้วจะเข้าใจเรื่องนี้ เรื่องต่างๆ โยมมีพระเครื่องมีราคา เอามาใส่ก็ไม่กล้า จะไปขายก็กลัวผิด แล้วไปดูตามวัด วัดก็ทำผิดๆ พลาดๆ มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แต่ไปสร้างเทพสร้างอะไรกัน นี่เขาบอกว่าอันนี้เข้าใจไม่ได้ แล้วยิ่งมาความเชื่อ

ความเชื่อ เราวางไว้ เพราะความเชื่อมันมีร้อยแปด ความเชื่อมีร้อยแปด ศรัทธาแก้กิเลสไม่ได้ แล้วถ้ามีความเชื่อแล้วเราวางไว้ แล้วเรามาค้นคว้าของเรา มาเอาความจริงของเรา

แล้วอย่างที่ว่า ไอ้ที่ว่าเชื่อๆ จะเข้าใจหมดเลย เข้าใจหมดเลย อ๋อ! หัวข้อมันมาจากที่นี่ ประเพณีนี้มาจากตรงนี้ ส่วนใหญ่แล้วมันมาจากพระไตรปิฎก อย่างที่ว่าเปิดโลกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำได้หมด แล้วเวลาพระโมคคัลลานะไปเที่ยวสวรรค์มา ไปยืนยันในครอบครัวใดใครตายไปไหน มาบอกพระพุทธเจ้า ต่อหน้าธารกำนัลเลย

ศาสนาพุทธที่มั่นคงมา สุดท้ายแล้วศาสนาอื่นเขาเห็นว่าพระพุทธศาสนามั่นคงเพราะพระโมคคัลลานะ เวลาจะทำร้ายก็จ้างคนมาฆ่าพระโมคคัลลานะก่อน ในสมัยนั้นพวกที่ลัทธิต่างๆ ที่ยังมีกิเลสอยู่ เขาก็ห่วงสถานะของเขา เวลาพระพุทธเจ้าแสดงธรรมออกมาเป็นความจริง เขารับกันไม่ได้เลย เพราะว่ามันไปลบล้างความเชื่อถือของเขาทั้งหมดเลย ถ้าไปลบล้างความเชื่อถือของเขา

แต่เวลาเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา ตอนที่หลายพันปีมา โอ้โฮ! ถ้ายังไม่เจริญนะ เรื่องการคมนาคมยังไม่มี ศาสนาพุทธเวลาเจริญ เจริญมาก แต่เพราะมันเป็นศาสนาที่เป็นเสรีภาพ เป็นศาสนาที่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงในใจ ไม่มีเรื่องกิเลสมาเจือปน

เวลาไปเจออย่างอื่นแล้วมันแบบว่าไม่มีสิ่งใด ไม่มีความคุ้มครอง ว่าอย่างนั้นเลย แต่ถ้ามีฤทธิ์ ถ้าพระพุทธเจ้ามีจริง ฤทธิ์เดชมีจริง มีจริงก็คุ้มครองเฉพาะช่วงเวลาที่ท่านมีชีวิตอยู่ไง แต่ถึงเวลาแล้วมันก็เสื่อมสลายไป แต่ตอนนี้มันจะรื้อฟื้นขึ้นมา

ตอนนี้ถ้าพูดกันโดยข้อเท็จจริงนะ อย่าใช้อารมณ์ แล้วอย่าเอาจำนวนมาวัดกัน ศาสนาใด ลัทธิใด เวลาโต้แย้งกันด้วยสัจจะ ของเราสุดยอด นักวิทยาศาสตร์ไหนมาค้นคว้าก็ยอมรับหมด พระพุทธศาสนานี่

เว้นไว้แต่พวกเรา เว้นไว้แต่ชาวพุทธด้วยกันเอง ชาวพุทธมันไม่จริงจังกันเอง ถ้าชาวพุทธจริงจังเอง ปฏิบัติให้ได้จริงขึ้นมา มีคุณธรรมจริงขึ้นมานะ ไอ้คำถามจะไม่มีเลย ความสงสัยไม่มีเลย

ทีนี้คำถามมา เราตอบ เราตอบเพื่อให้เห็นว่า ในพระพุทธศาสนาเรามันมีคุณธรรม มีสัจจะมีความจริง แล้วเราควรภูมิใจ แล้วเราพยายามค้นคว้าหาความจริงมา เพื่อเป็นธรรมในหัวใจของเรา สัจธรรมให้มันอยู่ในใจของเรา เพื่อประโยชน์กับใจดวงนี้ เอวัง